ไทยพัฒน์ประกาศรายชื่อ 8 กลุ่มธุรกิจ ESG100 หุ้นยั่งยืน

ไทยพัฒน์ประกาศรายชื่อ 8 กลุ่มธุรกิจ ESG100 หุ้นยั่งยืน

อีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน คือ การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพ ใส่ใจกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) หรือ ESG ซึ่งสถาบันไทยพัฒน์ ได้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ที่ดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล คัดเลือกและประกาศออกมาเป็นองค์กรที่ได้ ESG 100 บริษัท ตั้งแต่ปี 2558 และล่าสุด คือปี 2561 ที่เพิ่งประกาศไป ซึ่งมีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด mai เข้าอยู่ใน ESG100 จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ D, ITEL, JUBILE, MOONG, PPS, SPA, SWC, TACC, TPCH, WINNER

“ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ” ประธาน สถาบันไทยพัฒน์ พูดถึงการประเมินในปีนี้ว่า นอกจากการประเมินการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) แล้ว ยังเพิ่มเรื่องของผลประกอบการเข้าไปด้วย โดยใช้เรตติ้ง โมเดลที่พัฒนาขึ้นจากหลักการแนวทางตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของ GISR (Global Initiative for Sustainability Ratings) ทำให้หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนมากขึ้น

ปีนี้ มีบริษัทที่ติดอันดับจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (Agro & Food Industry) 10 บริษัท 2. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) 6 บริษัท 3. กลุ่ม
ธุรกิจการเงิน (Financials) 12 บริษัท 4. กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) 14 บริษัท 5. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) 10 บริษัท 6. กลุ่มทรัพยากร (Resources)
16 บริษัท 7. กลุ่มบริการ (Services) 23 บริษัท และ 8. กลุ่มเทคโนโลยี (Technology) 9 บริษัท

ในแต่ละปี จะมีหลักทรัพย์ที่ถูกปรับเข้า-ออก ประมาณ 1 ใน 4 ซึ่งที่ผ่านมาถูกปรับออกเนื่องจาก ไม่เข้าเกณฑ์ กำไรติดลบ และอีกเกณฑ์ คือ การวิเคราะห์เรื่องการเงิน เงินปันผลที่ดี ขายหุ้น แล้วได้ผลตอบแทนที่ดี อัตราส่วนตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นต้องสูง สัดส่วนของหุ้นที่กระจายไปสู่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ต้องเกิน 15%

“พิพัฒน์” บอกอีกว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) รวมกันของหลักทรัพย์ ESG 100 มีมูลค่าราว 12.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 69.4 เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปรวมของตลาด (SET+mai) ที่ 17.9 ล้านล้านบาท โดยไทยพัฒน์ได้ประเมินผลทางพาณิชย์เพิ่มเติมด้วย เช่น สมมุติลงทุน 5 ปีย้อนหลังเทียบการลงทุน SET ทั้งตลาด SET100  SET50 และ ESG100 พบว่าหลักทรัพย์ ESG 100 จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่ถ้าในระยะสั้นจะสู้ SET100 และ SET50 ไม่ได้

นอกจากนี้ ประมาณกลางปี 2561 นี้ บริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ Spin-off มาจากหน่วยงาน ESG Rating จะมีการเผยแพร่ ESG Index เพื่อใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับเป็นทางเลือกของการลงทุนที่ยั่งยืนใน
ตลาดทุนไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยในต่างประเทศ มีดัชนีประเภทดังกล่าวใช้อ้างอิงอยู่อย่างแพร่หลาย อาทิ S&P Global  1200 ESG Factor Weighted Index, FTSE ESG Indexes, MSCI ESG Leaders Indexes, Russell 1000 ESG Index เป็นต้น

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3370 วันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ที่มา http://m.thansettakij.com/content/285285

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *